มะเร็งตับระยะท้าย (Advanced stage) รักษาได้หรือไม่ ?
รักษาได้ และการรักษาที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบัน คือ การให้ยามุ่งเป้า (Targeted therapy) อย่างไรก็ตาม มะเร็งตับระยะท้าย โดยเฉพาะมะเร็งตับที่มีการลุกลามไปยังหลอดเลือดดำตับ ยังมีการรักษาอื่นที่ได้ผลดี เช่น การให้สารกัมมันตรังสีทางหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งตับ (TARE)
TARE คืออะไร ?
TARE ย่อมาจาก Trans Arterial Radio Embolization คือการรักษามะเร็งตับโดยการให้สารกัมมันตรังสีทางหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็งโดยตรง เพื่อให้ก้อนมะเร็งตาย หรือมีขนาดเล็กลง สามารถใช้รักษามะเร็งตับระยะกลาง ถึงระยะท้าย (Intermediate to advanced stage)
ผลการรักษาที่คาดหวัง
มะเร็งตับระยะกลาง ถึงระยะท้าย ที่ได้รับการรักษาด้วย TARE สามารถ
หายได้ หากก้อนมะเร็งตอบสนองต่อสารกัมมันตรังสีดี
ขนาดเล็กลง และ/หรือ จำนวนน้อยลงได้ จนอาจสามารถรักษาด้วยการ ผ่าตัด จี้ก้อน หรือเปลี่ยนถ่ายตับ เหมือนมะเร็งตับระยะต้น (Very early to eary stage) ได้
หากไม่ตอบสนอง หรือตอบสนองไม่ดีต่อสารกัมมันตรังสี อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted therapy)
การรักษามะเร็งตับด้วย TARE จะประเมินผลการรักษาที่ 3-6 เดือนหลังทำการตรวจรักษา หากก้อนมะเร็งตอบสนองดี แต่ยังไม่หมดไป สามารถทำซ้ำได้ ด้วย TACE หรือ TARE
เรา มีเครื่องมือที่ทันสมัย และทำงานร่วมกับแพทย์เวชศาสตร์นิวเคลียร์ ในการวางแผน และคำนวนปริมาณสารกัมมันตรังสี สำหรับคนไข้แต่ละคน ให้แม่นยำ และเหมาะสมที่สุด เพื่อประสิทธิภาพการรักษาสูงสุด
ขั้นตอนการทำ TARE มีอะไรบ้าง ?
ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน ได้แก่ วางแผนการรักษา และให้สารกัมมันตรังสี ห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์
วางแผนการรักษา
ผู้ป่วยนอนหงายบนเตียง และจะได้รับการตรวจวัดสัญญาณชีพก่อน ระหว่าง และหลังทำการตรวจรักษา เป็นระยะๆ
แพทย์ฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการสอดสายสวน เช่น ขาหนีบขวา หรือข้อมือซ้าย
ระหว่างตรวจรักษา จะมีการตรวจเอ็กซเรย์เป็นระยะๆ และอาจได้รับคำสั่งให้ หายใจเข้า/ออก หรือกลั้นหายใจ
ฉีดสารจำลองการกระจายตัวของกัมมันตรังสี (99mTc-MAA)
ระยะเวลาการตรวจประมาณ 2 ชั่วโมง
หลังตรวจ แพทย์จะนำอุปกรณ์สายสวนออกให้ทั้งหมด และกดแผลให้เลือดหยุดประมาณ 15-30 นาที
ผู้ป่วยจะได้รับการถ่ายภาพ (SPECT) ที่เวชศาสตร์นิวเคลียร์ และแพทย์รังสีร่วมรักษานำภาพที่ได้ วางแผน และคำนวนปริมาณสารกัมมันตรังสีต่อไป
ให้สารกัมมันตรังสี
ขั้นตอนคล้ายการวางแผนการรักษา
ขณะให้สารกัมมันตรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน จะมีการให้ยารักษาตามอาการเมื่อจำเป็น
หลังตรวจ แพทย์จะนำอุปกรณ์สายสวนออกให้ทั้งหมด และกดแผลให้เลือดหยุดประมาณ 15-30 นาที
ผู้ป่วยจะได้รับการถ่ายภาพ (SPECT) ที่เวชศาสตร์นิวเคลียร์อีกครั้ง
หลังให้สารกัมมันตรังสี ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการพบ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก ประมาณ 3 วัน หลังการตรวจรักษา
วางแผนการรักษา เฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน (Individualized dosimetry)
เตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการตรวจรักษาด้วย TARE ?
เจาะเลือดเพื่อดู การแข็งตังของเลือด เกล็ดเลือด การทำงานของตับและไต และผลเลือดติดตามเนื้องอก (AFP)
งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนทำการตรวจรักษา ผู้ป่วยจะได้รับสารละลายทางหลอดเลือดดำในวันที่ทำการตรวจรักษา
งดยาต้านเกร็ดเลือด และยาละลายลิ่มเลือด
ผู้ป่วยจะได้รับการทำความสะอาดโกนขนบริเวณขาหนีบ ในกรณีที่จะใส่สายสวนทางขาหนีบ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดหลังการรักษา
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย
ไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ได้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำการตรวจรักษา
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย
เลือดออก หรือมีก้อนเลือดบริเวณที่ใส่สายสวน
ติดเชื้อ หรือเป็นฝีในตับ
ตับวาย