แนวทางการรักษามะเร็งตับในปัจจุบันในประเทศไทย จะอ้างอิงตามแนวทางการรักษาของ Barcelona clinic liver cancer (BCLC) guideline 2022 ซึ่งจะแบ่งวิธีการรักษาตามระยะ (Staging) ของมะเร็ง
ภาพแสดงการแบ่งระยะของมะเร็งตับที่ใช้ในประเทศไทยในปัจจุบัน อ้างอิงตาม BCLC 2022 guideline
การแบ่งระยะของมะเร็งตับ (Staging) มีความสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลถึงแนวทางการรักษา โดยในปัจจุบันแพทย์จะแบ่งระยะของมะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma หรือ HCC) โดยขึ้นกับปัจจัยต่างๆต่อไปนี้
ลักษณะของก้อนมะเร็ง (Tumor characteristics) เช่น ขนาดก้อน, จำนวนก้อน, การรุกรานหลอดเลือดในตับ, การแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เป็นต้น
ลักษณะการทำงานของตับ (Liver function) โดยพิจารณาจากค่าการทำงานของตับ
ความสมบูรณ์ของร่างกายคนไข้ (Patient's physical status) โดยพิจารณาจากการประเมินตาม ECOG score
ตารางแสดงการประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายคนไข้ตามแนวทาง ECOG score
แพทย์จะแบ่งระยะของมะเร็งตับ (HCC) ออกเป็น 5 ระยะ ซึ่งส่งผลต่อแนวทางการรักษา และอัตราการรอดชีวิตของคนไข้ ได้แก่
ระยะเริ่ม (Very early stage): ค่าเฉลี่ยประมาณการอายุขัยมากกว่า 5 ปี
ระยะต้น (Early stage): ค่าเฉลี่ยประมาณการอายุขัยมากกว่า 5 ปี
ระยะกลาง (Intermediate stage): ค่าเฉลี่ยประมาณการอายุขัยมากกว่า 2 ปีครึ่ง
ระยะท้าย (Advanced stage): ค่าเฉลี่ยประมาณการอายุขัยมากกว่า 2 ปี
ระยะสุดท้าย (Terminal stage): ค่าเฉลี่ยประมาณการอายุขัยอาจมากกว่า 3 เดือน
ทางเลือกในการรักษา (Treatment options)
ในปัจจุบัน การรักษามะเร็งตับมีหลายวิธี โดยการที่แพทย์จะเลือกการรักษาวิธีไหนจะขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็งเป็นหลัก เพื่อให้คนไข้ได้ประโยชน์สูงสุด และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
ทางเลือกในการรักษาในปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 5 วิธีหลักๆ ได้แก่
การผ่าตัด (Surgical resection)
การจี้ด้วยพลังงานความร้อน หรือกระแสไฟฟ้า (Tumor ablation)
การให้ยาเคมีบำบัดพร้อมอุดหลอดเลือด (Transarterial chemoembolization หรือ TACE)
การให้ยามุ่งเป้า (Targeted therapy)
การรักษาประคับประคองในวะระสุดท้ายของชีวิต (Best supportive care)
ซึ่งในปัจจุบัน ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราชได้ให้บริการรักษาคนไข้มะเร็งตับทุกระยะ โดยทำงานแบบสหสาขาวิชาร่วมกับอายุรแพทย์ ศัลยแพทย์ และแพทย์มะเร็งวิทยา โดยงานบริการหลักจะเป็นการให้การรักษาเฉพาะที่ตับโดยตรง (Liver directed therapy) ซึ่งประกอบไปด้วย การจี้ด้วยพลังงานความร้อน หรือกระแสไฟฟ้า (Tumor ablation) และการให้ยาเคมีบำบัดพร้อมอุดหลอดเลือด (Transarterial chemoembolization หรือ TACE)